เปิดใจ "ติ๊ก กัญญารัตน์" อดีตนางเอกดัง หลังหายไปจากวงการนานกว่า 10 ปี
คอมเมนต์:
เชื่อได้ว่าหลายคนคงจำกันได้ดีสำหรับ ติ๊ก-กัญญารัตน์ จิรรัชชกิจ หนึ่งในอดีตนางเอกสาวหน้าหวานมากฝีมือของเมืองไทย ที่ติสต์แตกทิ้งงานละครไปร่วม 10 ปี พร้อมผันตัวเองทำเบื้องหลังอย่างรายการ "เซย์ ไฮ" รายการท่องเที่ยวชื่อดัง ที่ตอนนี้เจ้าตัวทำมานานกว่า 13 ปีแล้ว เรียกได้ว่าไปไหนใครก็เรียก “ติ๊ก เซย์ ไฮ” ไปแล้ว
ล่าสุด ติ๊ก-กัญญารัตน์ ได้มาเปิดใจในรายการ “คุยแซ่บ SHOW” โดยเจ้าตัวเผยถึงชีวิตความรักว่าไม่พร้อมเปิดตัว แต่ร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ไปงานแต่ง เพราะฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวบ้าง
Sponsored Ad
ชีวิตเป็นยังไงบ้าง ไม่ค่อยเห็นหน้าเลย ?
“จริงๆก็ไม่ได้หายไปไหนนะ แต่ค่อนข้างจะบินไปทำรายการบ่อย เดือนนึงต้องทำให้ได้ 4-5 เทป บินไปทีก็อยู่ซัก 10 วัน หลังๆ เริ่มจะอยู่นานหน่อยประมาณสองอาทิตย์”
Sponsored Ad
แต่ที่คนเข้าใจว่าหายไปหมายถึงละคร ไม่เห็นหน้าเลยกี่ปีแล้ว ?
“เรื่องล่าสุดเลยคือ หยกลายเมฆ น่าจะประมาณ 7 ปีแล้ว”
เพราะอะไรถึงไม่รับละครแล้ว ?
Sponsored Ad
“จริงๆอยากเล่นนะ แต่ว่าตอนที่ไม่ได้รับเล่นอาจเป็นเพราะว่าเด็ก พอถึงช่วงวัยนึงของวัยรุ่นที่เราทำงานตั้งแต่เลข 1 จนมาถึงเลข 3 เนี่ยมันตัน ช่วงนั้นนักแสดงไม่เยอะขนาดนี้ เขาก็จะใช้เราซ้ำๆ เรารู้สึกว่าทำงานมาตั้งแต่อายุสิบกว่า เรารู้สึกว่าเหนื่อย เราอยากเบรก แต่ไม่คิดว่าการเบรกจะเปลี่ยนชีวิตอีกนานเลย”
แล้วมีคนติดต่องานละครมามั้ย ?
Sponsored Ad
“ก็มีคนติดต่อละครเข้ามานะ แต่ด้วยความที่ตัวเราไม่พร้อม ในด้านของร่างกายเพราะเราเดินทางบ่อยแล้วก็น้ำหนักขึ้นด้วย เลยไม่มั่นใจ”
ช่วงที่เบรกละครเรากำลังรุ่งเลย สาเหตุที่เบรกจริงๆ ไม่ใช่แค่เบื่อ แต่มีอะไรที่ซับซ้อนกว่านั้นมั้ย ?
Sponsored Ad
“ไม่ซับซ้อนเลย คือเรารู้สึกว่าอยากเบรกช่วงนึงแค่นั้นเอง แล้วก็ผันตัวเองไปทำเบื้องหลัง อยากทำรายการของตัวเอง อยากทำอะไรที่มันเป็นของเรา เราอยากเติบโต”
รู้สึกเสียดายมั้ย เพราะดาราในรุ่นของพี่ทุกวันนี้เขาก็ยังเป็นนางเอกได้อยู่ ?
Sponsored Ad
“ถ้า ณ วันนี้บอกเลยว่าเสียดาย เวลามันย้อนกลับไปไม่ได้ เพราะอายุเราเยอะขึ้น ต่อให้เราลงไปเล่นละคร เรารู้สึกว่าคนเขาไม่เชื่อเราแล้ว เพราะเราโต เราทิ้งช่วงไป เราเสียดาย เราทิ้งตรงนั้นไปทำไม แทนที่เราจะโกยตรงนั้นไปก่อน ให้คนดูได้อิ่มกับเรามากกว่านี้ก่อน แล้วค่อยผันตัวเอง ตอนนี้เสียดายที่มันย้อนกลับไปไม่ได้”
แล้วถ้าย้อนได้จะพักมั้ย ?
“ไม่พักค่ะ คือถ้ามีคนชี้แนะว่าให้เราทำคู่ขนานกันไปได้ เราคงไม่เบรกตัวเอง”
เลยเป็นที่มาของคำว่า ติ๊กติสต์แตก ?
Sponsored Ad
“ติ๊กไม่ได้ติสต์เลยค่ะ เพียงแต่ว่าเราแค่อยากจะเลือก มีช่วงนึงที่เรารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องไปงาน ไปเพื่อถ่ายรูปเหรอ แต่งตัวชุดราตรี จ้างช่างอะไรมากมาย ลงทุน 3-4 หมื่น ไปถ่ายรูปแล้วกลับ เพื่อโปรโมตตัวเอง เรามาถึงจุดนึงแล้ว เพดานมันไม่ทะลุไปกว่านี้แล้ว คนเขาก็รู้จักเราหมดแล้ว เราไม่ได้ต้องการไปโปรโมตตัวเองตลอดเวลา”
แล้วถ้ามีละครติดต่อมาให้รับบทแม่ จะรับมั้ย?
“บทแม่หรอ หน้ายังเด็กอยู่เลยนะ (หัวเราะ) ก็รับค่ะ คือจริงๆ ขออะไรก็ได้ ที่เป็นบทแล้วรู้สึกว่าตัวเองมีส่วนในตัวเรื่องด้วย การกลับไปมันต้องมีอะไรให้เราเล่น ถ้ามีบทดีๆ ก็จะรับเล่นค่ะ”
ในยุคที่พี่ติ๊กเป็นนางเอกมีความกดดันกว่ามากมั้ยถ้าเทียบกับน้องๆยุคนี้ ?
“กดดันกว่าน้องในยุคนี้มาก ยุคนี้คือเป็นยุคอิสระ ยิ่งทำอะไรที่อิสระ ทำอะไรที่เปิดเผยให้คนรับรู้มากขึ้น กลายเป็นว่ายิ่งดังมียอด Follow เยอะขึ้น ยิ่งทำอะไรที่เป็นแง่ลบ กลายเป็นว่ามีคนกลับผลักดันเขามากขึ้น ในขณะที่ยุคของติ๊กถ้าใครทำอะไรที่ผิดคุณไม่มีสิทธิ์รับงาน ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำงานกับใครได้เลย เขาห้ามเรื่องของยาเสพติดเป็นอันดับแรกเลย เพราะเราเป็นคนของประชาชน เรื่องแฟนก็ห้าม”
แล้วเรื่องที่เราไม่ต่อสัญญากับช่องช่องนึงเป็นเพราะอะไร เพราะตอนนั้นก็ดังมากนะ ?
“ตอนนั้นเราอยู่ช่องนั้นนานพอสมควร มีตัวละครอยู่แค่ 3 ตัวเอง ใช้งานอยู่แค่ ติ๊ก กบ น้ำผึ้ง ผลัดกันเล่นอยู่สามคน เรามองละครช่องอื่นๆ เรามองพี่ๆ ช่องอื่นๆ ที่เขาเล่นหลากหลายบท หลากหลายผู้ร่วมงาน เราอยากได้บทหลากหลาย เราอยากลองเล่นกับพระเอกคนอื่นๆ ที่เขากำลังอินกัน ยอมรับว่าตอนนั้นเราก็มองพี่หนุ่ม-ศรราม ว่าพี่เค้าอยู่ช่องนี้ แล้วเขาก็ย้ายไปอยู่อีกค่ายนึง แล้วเขาก็ได้เล่นทั้งช่องนี้ กับช่องนี้ มันได้หลากหลาย จริงๆ เราไม่ได้อยากไปอยู่กับใครเลย อยากได้ร่วมงานหลากหลายโอกาส เพราะเราได้แต่บทพีเรียดเกือบทุกเรื่อง”
แล้วที่เคยมีข่าวเกาเหลากับ อั้ม-พัชราภา ล่ะ เพราะอะไร ?
“จริงๆ มันอาจจะเป็นช่วงเปลี่ยนยุค ไม่ได้เกี่ยวกับติ๊กเลย มันเป็นช่วงที่เราเปลี่ยนชีวิตของเรา พอหมดสัญญาปุ๊ป เราก็คิดว่ากำลังจะต่อ ทางช่องเขาก็มีเตรียมให้สองสามเรื่อง อีกที่นึงเขาก็ยื่นนักแสดงแต่ละเบอร์มาให้เราเล่น แต่ละบทให้เราเล่น เรารู้สึกมันท้าทาย มันต้องเลือก”
แล้วเรื่องรายการที่ทำอยู่ตอนนี้เป็นยังไง ?
“ตอนนี้ก็ทำมา 13 ปีแล้วค่ะ ทำญี่ปุ่นมา 12 ปี เพิ่งมาปีนี้มีที่อื่นสลับมาบ้าง ซึ่งสมัยก่อนไปญี่ปุ่นนี่ไปยากมาก ทำปีแรก ทั้งสายการบิน ทั้งคนที่มาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 70% ปีต่อมาได้เป็นทูตการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น”
เราไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศญี่ปุ่นขนาดนี้ ทางรัฐบาลเขามีสนับสนุนอะไรเรามั้ย ?
“ก่อนหน้านี้ยังมีสนับสนุนนะ แต่หลังๆ เริ่มมีรายการต่างๆ ทางโซเชี่ยลมากขึ้น เขาก็ไปอินกับตรงนั้น บางทีก็ลืมเราบ้าง ถามว่าน้อยใจมั้ย ก็น้อยใจนะ ฉันทำแทบตาย”
เห็นมีกระแสข่าวว่ารายการขาดทุนถึง 8 หลัก
“ไม่ถึง 8 หลักนะ แต่ก็มีจุดเปลี่ยนของทีวีบ้านเรา เพราะคนไปเสพทางโซเชี่ยลกันพอสมควร การซื้อโฆษณาที่เต็มตลอดก็หายไปพอสมควร ด้วยช่องต่างๆ ก็มีมากขึ้น มีรายการท่องเที่ยวเพิ่มมาอีก ลูกค้าเขาก็กระจายไปซื้อเด็กรุ่นใหม่บ้างที่ทำอะไรหลากหลายบ้าง
แล้วเรื่องความรักล่ะ ตอนนี้โสดหรอ ?
“ก็ถือว่าโสดนะ ถามว่ามีมั้ยก็มีเข้ามาบ้าง เพียงแต่ว่าการอยู่แบบนี้เราสบายใจ ถ้าเปิดไปแล้วไม่ใช่ เราก็เสีย เวลาเปิดทีนึงหลายๆ คนก็ต่างมาจ้องคนของเรา มันเหนื่อย”
เคยมีความฝันอยากใส่ชุดเจ้าสาวแบบเพื่อนๆ มั้ย ?
“มีค่ะ ทุกครั้งที่ไปงานแต่งงาน ทุกครั้งที่บ่าวสาวขึ้นเวที ทุกครั้งที่เขามีถ้อยคำถึงกันดีๆ ร้องไห้ทุกครั้ง”
เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะ สำหรับภาพล่าสุดของสาวติ๊ก ต้องบอกเลยว่า เวลาทำอะไรเธอไม่ได้จริงๆค่ะ สวยวันสวยคืนจริงๆเลยนะคะ
ข้อมูลและภาพจาก tik_kanyarat